ระหว่างวันที่ 5-16 สิงหาคม 2562 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ส่งนักศึกษาเข้าร่วมโครงการ UEL SUMMER SCHOOL 2019: “Contract Law and Dispute Resolution, Negotiations of the U.S” ณ The University of Economics and Law นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม 3 คนได้แก่ ศุภิสรา ด่านเฉลิมวงศ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ภาคปกติ ศูนย์รังสิต (ได้รับทุนการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์) สุดารัตน์ ตรีเทพ นักศึกษาระดับปริญญาโท ชั้นปีที่ 3 สาขากฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (ได้รับทุนการศึกษาจาก University of Economics and Law) และพิชามญชุ์ ขาวสกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตร LLB (ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมโดยออกค่าใช้จ่ายเอง) เราจะพาคุณไปคุยกับสุดารัตน์ ถึงประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
คำถาม (1) : ทำไมจึงสมัครเข้าร่วมโครงการ
สุดารัตน์ : “เริ่มต้นได้รับการชักชวนให้สมัครค่ะ ภายหลังอ่านรายละเอียดโครงการก็สมัครเข้าร่วมเพราะเห็นวิชาที่นำมาสอนในโครงการนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจค่ะ โดยเฉพาะเรื่องการระงับข้อพิพาทและกฎหมายสัญญา เพราะคิดว่าเป็นวิชาที่สามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานได้ค่ะ จะได้รู้แนวคิดหรือวิธีคิดของกฎหมายต่างประเทศไม่ใช่แค่แนวคิดของกฎหมายไทย นอกจากนี้เห็นว่าการเข้าร่วมโครงการนี้น่าสนใจ เพราะจะทำให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆในสภาพแวดล้อมใหม่ๆค่ะ”
คำถาม (2) : การคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการเป็นอย่างไร
สุดารัตน์ : “เนื่องจากการสมัครเข้าร่วมโครงการไม่มีการสอบสัมภาษณ์ แต่ให้เขียน letter of motivation ซึ่งตอนที่เขียนได้อธิบายค่ะว่าทำไมเราอยากเข้าร่วมโครงการนี้ เราเห็นความสำคัญของโครงการและของวิชาที่สอนอย่างไร ถ้าเราได้ร่วมโครงการนี้เราคิดว่าเราจะได้รับอะไรมาบ้างและจะนำความรู้นี้มาพัฒนาต่อยอดได้อะไรบ้างค่ะ เนื่องจากเป็นการคัดเลือกจากการเขียนไม่ใช่การพูด ดังนั้นตอนที่เขียนรู้สึกว่าเราต้องเขียนให้เห็นถึงความตั้งใจของเราที่อยากเข้าร่วมโครงการนี้ค่ะ”
คำถาม (3) : เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปร่วมโครงการ
สุดารัตน์ : “ช่วงก่อนเดินทางไปเข้าร่วมก็ได้ทบทวนเนื้อหาจากที่ทางโครงการส่งเอกสารมาให้ค่ะ พอทราบประเด็นเนื้อหาที่จะต้องใช้เรียน ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายไทยหรือวิธีการปฏิบัติของประเทศไทยเก็บไว้ค่ะ เพื่อเตรียมเอาไว้แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆที่มาจากประเทศอื่น”
“นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือ หาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเวียดนามก่อนการเดินทางค่ะ เช่น สถานที่พัก อาหาร การเดินทาง อย่างน้อยควรรู้ข้อมูลเบื้องต้นค่ะ หากมีเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถแก้ไขเหตุการณ์ รวมถึงหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวด้วยค่ะ (ฮ่า ๆ)”
คำถาม (4) : สิ่งที่ได้รับจากโครงการมีอะไรบ้าง เป็นไปตามที่คาดหวังไหม
สุดารัตน์ : “สิ่งที่ได้รับจากโครงการเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆค่ะ เมื่อได้ไปเรียนทำให้ได้รับแนวความคิดใหม่ๆค่ะ ทั้งวิธีการคิดและการแก้ไขปัญหา สิ่งที่ได้จากการเรียนไม่ใช่แค่เนื้อหาของกฎหมายค่ะ แต่เป็นการสอนจากประสบการณ์ของศาสตราจารย์แต่ละท่าน
“สำหรับอาทิตย์แรกเป็นการเรียนเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทค่ะ ซึ่งสำหรับประเทศอเมริกาการระงับข้อพิพาทมีหลายรูปแบบค่ะ ไม่ใช่แค่การฟ้องร้องคดีกับอนุญาโตตุลาการ แต่รวมถึงการไกล่เกลี่ย (mediation) ซึ่งจะคล้ายกับการไกล่เกลี่ยในศาลประเทศไทยนั่นคือ จะมีคนกลางนอกคดีเข้ามาช่วยในในการไกล่เกลี่ย แต่ที่สหรัฐอเมริกาจะมีการไกล่เกลี่ยนอกศาลซึ่งคู่สัญญาตกลงกันเลือกคนกลางเข้ามาช่วยในการไกล่เกลี่ยได้ค่ะ ซึ่งการะงับข้อพิพาทแบบนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากค่ะ นอกจากนี้ได้เรียนรู้ถึงวิธีการเตรียมตัวและเทคนิคที่ควรใช้ก่อนการเจรจา(negotiation) รวมถึงหลักคิดในการเจรจาอย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าน่าสนใจที่ได้รับจากศาสตราจารย์คือ “ในการเจรจาหลักคือต้องรักษาผลประโยชน์ของลูกความก็จริง แต่ในการเจรจาเราอาจจะไม่ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เราจะได้บางสิ่งจากการเจรจานั้นค่ะ”
“สำหรับกิจกรรมจะมีการเรียนช่วงเช้าและบ่ายค่ะ แต่มีบางวันที่ทำกิจกรรมกิจการข้างนอกมหาวิทยาลัย คือ เดินทางไปศาลของประเทศเวียดนาม ชมห้องพิจารณาคดี รวมถึงได้ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองโฮจิมินทร์ค่ะ เช่น ตลาดเบนถันและโบสถ์”
“ในส่วนสัปดาห์ที่สองเรียนเรื่องของกฎหมายสัญญาค่ะ โดยเรียนเกี่ยวกับหลักกฎหมายสัญญา และหากจะต้องทำการรีวิวสัญญาควรดูประเด็นอะไรบ้างและควรระมัดระวังเรื่องอะไรค่ะในการทำสัญญาค่ะ เช่น ควรระมัดระวังในการเลือกกฎหมายที่จะให้มีผลผูกพันธ์ในสัญญา เนื่องจากกฎหมายในแต่ละมลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของลูกความควรศึกษากฎหมายของแต่ละมลรัฐให้ดีค่ะ นอกจากนี้ได้เรียนรู้แนวทางการทำงานของผู้พิพากษาในศาลค่ะ เช่น การวินิจฉัยตัดสินคดี การพิจารณาคดีที่จะนำมาเป็นหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย ระบบการพิจารณาคดีของศาล”
คำถาม (5) : ตอนเรียนหลักกฎหมายที่ไม่มีในกฎหมายไทย ทำอย่างไรบ้าง
สุดารัตน์ : “ตอนที่เรียนหากเจอเรื่องที่ไม่มีในกฎหมายไทย จะหาข้อมูลอ่านคำอธิบายเพิ่มเติมค่ะ เช่น อ่านคำพิพากษาตัวเต็มจากเรื่องที่เรียน เพื่อให้เข้าใจเนื้อหามากกว่าขึ้นค่ะ”
คำถาม (6) : อยากให้เล่าถึงความประทับใจที่เวียดนาม
สุดารัตน์ : “จากการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ทำให้ได้รับความรู้และประสบการณ์การใช้ชีวิตใหม่ๆในต่างประเทศค่ะ ทั้งความรู้ที่ไม่เหมือนกับที่เคยเรียนในไทย และการได้พบผู้คนใหม่ๆค่ะ ทั้งอาจารย์ที่สอนทุกท่าน เพื่อนๆทุกคนที่เข้าร่วมโครงการที่เป็นมิตรมากๆค่ะ ได้ไปเที่ยวและทำกิจกรรมหลายๆอย่างร่วมกันค่ะ และยังได้แลกเปลี่ยนความรู้กันไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย ตลอดจนประทับใจผู้ประสานงานโครงการที่คอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ตลอดระยะเวลาโครงการ ที่คอยดูแลให้อย่างดีมากค่ะ”
“ถ้ามีโอกาสก็อยากเข้าร่วมโครงการแบบนี้อีกแน่นอนค่ะ ที่สำคัญคืออยากแนะนำให้ทุกคนที่สนใจหรือกำลังลังเล ลองสมัครหรือลองเข้าร่วมโครงการดูสักครั้งค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโครงการนี้หรือโครงการอื่นๆ เพราะสิ่งที่ได้รับมากกว่าแค่ในห้องเรียนแน่นอนค่ะ”
ถ่ายภาพ Pump
แต่งภาพ สุธีร์ เจริญต้นภูบาล
เรียบเรียง KK